มีนาคม 29, 2024, 01:08:38 PM
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
*

นกแต้วแร้วหูยาว
หน้า: 1   ลงล่าง
  พิมพ์  

  นกแต้วแร้วหูยาว
ผู้เขียน ข้อความ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกประจำ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 166


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 02:27:55 PM »

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่การถ่ายนกของผมต้องประสบกับปัญหายุ่งยากที่สุด

จากข่าวที่ยังไม่ได้กรองแจ้งว่า มีนกแต้วแร้วหูยาวกำลังป้อนลูกที่เขื่อนแก่งกระจาน ผมกับน้ายอดถกเถียงกันว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ ล่วงเข้ากลางเดือนตุลาคมแล้ว นกแต้วแร้วหูยาวยังเลี้ยงลูกอยู่   ซึ่งโดยปกติแล้ว นกชนิดนี้ควรจะป้อนลูกราวเดือนมิถุนายนของทุกปี  แต่นี่มันเลยฤดูกาลเลี้ยงลูกมาตั้ง 4 เดือนเข้าไปแล้ว  ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อ  จึงตกลงใจว่าจะลองย่องไปดูสักหน่อย

ผมเดินทางออกจากบ้านไปรับน้ายอดราว 11.00น. แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านประจำแถวๆเขาย้อย  เราถึงที่หมายราวบ่ายโมงครึ่ง  แต่....อุปสรรคแรกก็คือ ฝนกำลังกระหน่ำอย่างหนัก  เราสองคนจึงต้องนั่งรอฝนหยุดอยู่ในรถไปไหนไม่ได้ แต่ดูทีท่าว่าคงไม่หยุดง่ายๆซะแล้ว  บ่ายสองโมง ฝนเบาลงประกอบกับผมรู้สึกว่ามีปัญหาเฉพาะตนขึ้นอีก "เฮ้อ.... ห้องน้ำห้องท่าก็ไม่มี  เอาละว๊ะ  ปลดมันกลางป่าถือว่าใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ก็แล้วกัน"  ว่าแล้วผมก็คว้าร่มจากในรถวิ่งเข้าป่าไป  ส่วนน้ายอดแกก็เดินลุยฝนเข้าไปหาหมายก่อน  ผมปลดทุกข์เสร็จก็เดินตามเข้าไป  หลังจากเดินสำรวจก้มๆเงยสักพัก เราก็เห็นรังนก เมื่อชะโงกเข้าไปดูใกล้ๆ เราก็เห็นลูกนกในรัง 2 ตัว  เออ.... เรื่องจริงแฮะ  มันกำลังเลี้ยงลูกอยู่จริงๆด้วย

เราสองคนลุยฝนที่ยังพรำๆออกมาเอาอุปกรณ์แล้วย้อนกลับเข้าไปใหม่อีกหน  หนทางลื่นมาก  ต้องเดินอย่างระมัดระวัง  ขนาดระวังแล้ว น้ายอดยังหงายท้องตกไปในร่องน้ำอย่างไม่เป็นท่า ดีว่าร่องน้ำไม่ลึก จึงไม่เจ็บอะไรมากนัก  เข้าไปในบังไพรที่ทางผู้ส่งข่าวสร้างไว้ชั่วคราว  มีหลังคาคลุมฟลายชีทกันฝนเอาไว้  แต่มันแทบจะกันอะไรไม่ได้เลย  น้ำฝนหยดอยู่เป็นระยะๆ  เมื่อเข้าไปในบังไพรแล้ว มืดจนแทบมองไม่เห็นหน้ากันเลย  จะทำอะไรต้องอาศัยไฟฉายในมือน้ายอด  เราผลัดกันส่องให้อีกฝ่ายได้ทำงานได้  อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้น นั่นคือ ยุง  มันไล่กัดดะอย่างไม่ไว้หน้ากันเลย  หลังจากที่ประกอบอุปกรณ์เรียบร้อยประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง  เราสองคนก็นั่งตากยุงและตากหยดน้ำฝนกันเงียบๆในความมืด   แต่ต้องเบิ่งตาแทบถลนออกมานอกเบ้า  เพราะบริเวณรังนกนั้นก็มืดไม่แพ้ในบังไพรเท่าไรนัก  เราจ้องฝ่าความมืดผ่านช่องเล็กๆของบังไพรออกไป และพยายามทดสอบกล้องว่ามันจะถ่ายได่ไหม  ผลที่ได้คือ  กล้องไม่สามารถจับโฟกัสได้เพราะมันมืดเกินความสามารถของกล้องที่จะทำได้  อุปสรรคใหญ่มาอีกแล้ว  จะทำอย่างไร  หากนกมาแล้ว กล้องไม่จับโฟกัสที่นกเราก็ถ่ายภาพไม่ได้

น้ายอดแก้ปัญหาด้วยการปรับเลนส์ให้เป็นแมนน่วลโฟกัสแทน  ส่วนของผมเลนส์ได้ F4 จึงได้เปรียบกว่าเล็กน้อย  ผมจึงทดลองปรับจุดโฟก้สเป็นแบบกลุ่ม  ซึ่งก็ได้ผล  กล้องยอมจับโฟกัสให้แม้ว่าจะเดินช้ามากก็ตาม  แต่ผมก็พบกับปัญหายุ่งยากอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ เรายังไม่ทราบว่านกจะออกมุมด้านไหนของรังนก  หากนกมาออกใกล้ๆบังไพร  ผมคงถ่ายไม่ได้  เพราะเลนส์ 600mm โฟกัสใกล้สุดทำได้ที่ 5.5 เมตร  และหากนกมาใกล้ขนาด 5.5 เมตร  มีหวังผมคงถ่ายได้แต่หัวนก หรือถ่ายครึ่งตัวแน่ๆ

และแล้ว...... นกก็มา  จากการกระซิบบอกของน้ายอดว่า นกมาทางด้านขวามือ  ผมเพ่งแล้วเพ่งอีก  กว่าจะเห็นเงาตระครุ่มๆของนก  และกว่าที่ผมจะสะบัดหน้าเลนส์ที่โยกหลบฝนเอาไว้ไปจนเจอนก  เจ้ากำแท้  กล้องยังไม่ทันโฟกัส  นกก็กระโดดขึ้นรังไปแล้ว  ผมโยกเลนส์ตาม  แต่ด้วยความที่มืดมาก  กว่าผมจะหานกเจอ  มันก็ป้อนลูกเสร็จและโผบินไปจากรังอีก  ผมจึงถ่ายไม่ทัน  หันไปกระซิบถามน้ายอดว่าได้ภาพไหม  น้ายอดเปิดไฟล์หลังกล้องดูแล้วบอกว่า ถ่ายทัน แต่โฟกัสไม่เข้า  

เรารอกันอีกราว สิบนาที   น้ายอดก็กระซิบว่า นกมาทางเดิมอีกแล้ว  คราวนี้ผมเหมือนมีจุดเป้าหมายที่รู้อยู่ในใจก่อน  จึงเพ่งมองตรงไปยังจุดนั้นทันที  เห็นหัวนกค่อยๆโผล่พ้นก้อนหินขึ้นก่อน จากนั้นลำตัวนกจึงค่อยๆโผล่ตามมา  ผมหันกล้องเล็งใส่ทันที  แต่กว่าที่กล้องจะจับโฟกัสได้มันเหมือนนานนับแรมปีทีเดียว  ผมต้องลุ้นกันสุดใจว่ามันจะโฟกัสทันนกเคลื่อนที่ออกไปไหม  และแล้ว สัญญาณปิ๊บๆก็ดังขึ้น  ผมจึงกดรัวไปหนึ่งชุด  โอ้...แม่จ้าว....  เสียงชัตเตอร์กล้องที่มันรัวแบบห่างๆใบ  ทำให้ใจผมหล่นวูบอีกครั้ง  ก้มหน้าลงมองแผงข้อมูลการถ่ายที่ด้านล่าง ก็พบว่า ขนาดผมใช้ ISO 3200 F4 แล้ว  แต่..สปรีสชัตเตอร์ยังอยู่ที่ 1 วินาที   ฉะนั้น ไอ้การที่ผมตั้งถ่ายรัวเอาไว้ที่ 10 เฟรมต่อวินาที  มันจึงทำงานได้แค่วินาทีล่ะ 1 เฟรมเท่านั้น  แล้วความไว้ชัตเตอร์ขนาดนี้  นกขยับตัวนิดเดียวเบลอทันทีครับ  แต่ก็ต้องกดเอาไว้ก่อน  แล้วค่อยมาคัดทีหลัง


* FRW_0276.JPG (296.08 KB, 1000x671 - ดู 54 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2015, 02:40:18 PM โดย FRW »

Share

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกประจำ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 166


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 02:43:42 PM »

จากการที่นกยังระวังไพร  เกรงจะมีศัตรูมาอยู่ใกล้รังของมัน  จึงทำให้นกต้องพักเหนื่อยพร้อมกับมองสำรวจรอบตัวว่าปลอดภัยแค่ไหน ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปที่รังเพื่อเอาอาหารป้อนให้ลูกของมัน   นั่นจึงเป็นช่วงเวลาอันมีค่าของเราที่จะสามารถเก็บภาพของเค้าได้  เวลาอันมีค่าแบบนี้แหละ ที่เราจะต้องช่วงชิงมาให้ได้ ก่อนที่นกเจะบินเข้ารัง


* FRW_0283.JPG (293.43 KB, 1000x671 - ดู 54 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกประจำ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 166


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 02:45:57 PM »

ผมกดถ่ายไปหลายใบ  แต่ทางด้านน้ายอดดูเหมือนจะฮึดฮัดขัดใจ เพราะถ่ายยาก  ในที่สุด น้ายอดก็ขออนุญาตใช้ไฟฉายลองส่องดู


* FRW_0353.JPG (289.98 KB, 1000x670 - ดู 54 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
FRW
บุญและความรู้ ยิ่งให้เค้าไปเท่าไร ยิ่งได้กลับมามากเท่านั้น
ผู้ดูแลเว็บ
สมาชิกประจำ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 166


บางอย่างที่เห็น มันอาจไม่จริงเสมอไป


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 02:50:14 PM »

เมื่อได้แสงจากไฟฉายน้ายอด  ระบบโฟกัสก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรัวชัตเตอร์ได้เร็วขึ้น  ผมเฝ้ามองอาการของแม่นกว่าเค้าจะตื่นแสงไฟหรือไม่  ก็เห็นว่าแม่นกก็เพียงระแวดระวังตัวเหลัยวมองรอบๆตัวเหมือนเดิม   แสดงว่า เค้าไม่ได้ตื่นแสงไฟฉายแต่อย่างใด   ปัญหาที่น่าเป็นห่วงแทนนกก็คือ  เราไม่รู้ว่า การที่นกเห็นแสงไฟฉายนั้นจะทำให้สายตาของนกแย่ลงหรือไม่ เช่นสายตามนุษย์มองย้อนแสงไฟที่จ้า  ก็จะทำให้สายตามืดมัวลงชั่วขณะได้

หลังจากนั้น  พ่อนกและแม่นกก็ยังผลัดกันหาอาหารมาป้อนลูกทุกๆ 15 นาทีโดยเฉลี่ย   แต่สภาพแสงก็ยังคงเดิม  และการใช้ไฟฉายส่องถ่าย เราก็ได้ภาพที่ย่ำแย่เต็มทน ภาพดูแบนขาดมิติ และไวท์บาลานท์ที่ผิดเพี้ยนไป  แถมเวลาที่ต้องส่องไฟ  คนส่องก็ถ่ายไม่ถนัดมืออีก   เมื่อสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้น ผมจึงตัดสินใจชวนน้ายอดกลับ  ทั้งๆที่เวลายังไม่ทันจะถึงบ่ายสี่โมงด้วยซ้ำ

ฝากไว้ก่อนเถอะ เจ้าหูยาว.................................


* FRW_0304.JPG (294.66 KB, 1000x670 - ดู 54 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 09, 2015, 02:54:23 PM โดย FRW » แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ผู้มีบุญก็เข้ามา  หมดวาสนาก็จากไป
e21rts
ผู้ดูแลเว็บ
แฟนพันธ์แท้ SPC
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,147


e21rts@outlook.co.th


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 09:16:58 PM »

เป็นการถ่ายนกที่ลำบากและทุลักทุเลที่สุด..เปียกมะล่อกมะแล่กมอมแมมไปทั้งตัว..ทั้งนกและคน..
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

++คติเตือนตน++คำว่า"คนดี"..คือคำที่มีไว้เรียกคนโง่ให้ฟังสวยหรูดูดีมีเกียรติ...เพื่อหลอกให้มันหลงภาคภูมิใจ...และตั้งหน้าตั้งตาทำเรื่องโง่ๆของมันต่อไป..
kpossible
สมาชิกใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 0


something better than nothing


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2015, 07:09:32 PM »

โหขนาด 3200 ยังแจ่มขนาดนี้ของเค้าดีจริงๆของผมแค่ 1000 ก็เละเป็นวุ้นแล้ว
ถ้าไม่เจอฝนคงได้ภาพงามๆมาเพียบเลยนะนี่  แจมภาพนึงนะครับ
 


* นกแต้วแล้วหูยาว.jpg (175.88 KB, 1200x800 - ดู 38 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

หน้า: 1   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 

กระโดดไป:  

T--shirt Motor CRC