ต่อไป »

     เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว  พวกเราอ่อนแรงเต็มที  เริ่มต้องพักเหนื่อยบ่อยขึ้น  น้ำในขวดที่ติดมาของผม เหลือติดก้นขวด  จึงไม่กล้ากินเยอะ เพราะเดี๋ยวจะไม่พอจนถึงปลายทาง  เมื่อเราเดินกันจนสุดทุ่งหญ้า เส้นทางก็วกกลับเข้ามาในป่าอีกครั้ง

     จากจุดนี้ไป เป็นเส้นทางอันมหาโหด  โดยพวกเราจะต้องเดินไต่ขุนเขาไป 6 ลูก จึงจะพ้นถึงทางออก  ตลอดระยะทาง มีเด็กๆวัยรุ่นที่มากับทางโรงเรียน เดินแซงพวกเราไปนับไมถ้วน เพราะไม่ได้นับ   และกว่าเราจะถึงทางออกก็เล่นเอาสะบักสะบอมกันไปตามๆกัน

เลนส์ 16-35mm  ถ่ายที่ 16mm  F2.8  iso 100  1/160 s 

     หลังจากที่ร่ำลากับเจ้าเอิร์น  พวกเราก็ลงมาที่ทำการอุทยาน   ตั้งใจว่าจะต้องไปหาบ้านพักกันแล้วล่ะ  และจากการสอบถามจากเจ้าเอิร์น  ก็พอจะได้ความว่า นอกจากที่ทำการอุทยานและลุงแดงที่มีบ้านพักแล้ว  ยังมีบ้านพักของเอกชนรายอื่นๆด้วย   ด้วยความอยากรู้ว่าที่อื่นๆนั้นเป็นเช่นไรบ้าง  จึงทำให้ผมคิดนอกใจลุงแดงกันล่ะคราวนี้

     ระหว่างทางก่อนจะถึงที่ทำการอุทยาน  เราแวะเก็บดอกเสือโคร่งตามที่ตั้งใจมา  ผม ไม่ได้เอาเลนส์มาโครมา และด้วยความที่รู้ว่า  ดอกพญาเสือโคร่งนั้น ส่วนใหญ่มักจะต้นสูงใหญ่  เมื่อดอกอยู่สูง  เลนส์มาโครที่ช่วงสั้นมักถ่ายไม่ค่อยได้   ลงจากรถ  ผมจึงเอา TC1.4X ต่อเข้ากับ 100-400mm เป็น 560mm แม้ว่าช่วงที่ยาวขนาดนั้นจะทำให้ภาพเกิดการสั่นไหวได้ง่าย  และค่า F นัมเบอร์ที่สูง อาจทำให้การละลายฉากหลังไม่ดีนัก   แต่มันมีข้อดี คือ  ทำให้เราสามารถเก็บภาพดอกเสือโคร่งในที่สูงๆได้ดีกว่า  โอกาสได้ภาพมากกว่า  ก็คงต้องเลือกอย่างหลังครับ

ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 560mm  F8  iso 2000  1/4000 s

ภาพสอง  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 560mm  F8  iso 400  1/1000 s

ภาพสาม  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 560mm  F8  iso 400  1/200 s

สวยงามทุกภาพครับ บรรยายได้ครบรายละเอียดเลยครับน้าหมี 

     เห็นดอกซากุระเมืองไทยบานเต็มต้นอย่างนี้แล้วปวดตับเลยครับ   ผมรู้สึกระร้าระรังเลือกถ่ายไม่ถูก ตัดชอตไม่ได้ สองจิตสองใจตลอด  เหมือนอีตอนที่เราถ่ายพลุที่เค้าจุดแบบรัวๆถี่ๆ  คนดูสวย สนุกสนาน แต่คนถ่ายพลุกลุ้มใจครับ   ยิ่งตอนนี้มาเจอเข้ากับดอกพญาเสือโคร่งที่สวยงามเท่าๆกันไปซะทุกดอกแบบนี้  ตัดสินใจยากครับ   ทำให้คิดถึงตอนที่ยังหนุ่มๆ คิดจะเลือกหญิงมาเป็นแฟนสักคน  คนนั้นก็สวย คนนี้ก็ดี คนโน้นก็น่ารัก   สุดท้าย..แห้วรัปทาน เพราะสาวเจ้าเห็นเราใจโลเลไม่แน่นอน เลยหนีไปแต่งงานกับชายอื่นหมด

ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 140mm  F7.1  iso 400  1/1000 s

ภาพ 2  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 500mm  F8  iso 400  1/320 s

ภาพ 3  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 400mm  F8  iso 400  1/1250 s

ภาพ 4  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 435mm  F8  iso 400  1/1250 s

ภาพ 5  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 560mm  F8  iso 400  1/800 s

ภาพ 6  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 560mm  F8  iso 400  1/500 s

     ผมถ่ายๆอยู่สักพักก็ท้อใจ   เพราะแสงในยามบ่ายแก่ๆยังแข็งเหลือใจ   เลยชวนกันไปหาที่พักตามลายแทงที่เจ้าเอิร์นให้มา   เราวิ่งไปตามทางที่บอก เห็นที่พักเจ้าแรกที่เห็น ก็ให้น้าหกลงไปถามว่ามีห้องว่างไหม? ราคาเท่าไหร่?  ซึ่งก็ได้คำตอบว่า เหลือแต่ห้องพัก 4 ท่าน ราคา 1200 บาทไทย   ผมตอบตกลงทันทีเพราะเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามรอบๆที่พัก   มองเห็นน้ำตกสิริภูมิได้อย่างชัดเจน   แต่พอจอดรถขนสัมภาระส่วนตัวเข้าที่พักเท่านั้นแหละ ก็แทบอยากจะย้ายทันทีเลยครับ   ที่พัก มองดูจากภายนอกที่ดูเหมือนที่พักที่มีศิลป์ เป็นกระต๊อปที่สานจากไม้ไผ่ ดูดี มีบรรยากาศ   แต่ภายในสิครับ  คับแคบอย่างชนิดที่คนเดินสวนกันไม่ได้ ห้องน้ำก็ไม่ค่อยสะอาด ที่นอนวางกับพื้นห้อง ไม่มีเตียง  มีที่นอนให้ 4 ชุด แต่ผ้าห่มกันหนาวต้องใช้ร่วมกัน 2 คนต่อผืน  แผงไฟฟ้าในห้องมองดูชวนขนลุก  เพราะทำแบบชั่วคราว แต่จะใช้กันไปชั่วโครต  สายไฟฟ้ารุงรังโยงๆเอา   อาคารเป็นไม้ไผ่สาน  เวลาที่ติดไฟขึ้นมาคงหนีไม่ทันหรอก  แถมสวิทไฟห้องน้ำแทนที่จะเอาไว้ที่หน้าประตูห้องน้ำก็ดันเอาไปติดไว้ในห้องน้ำ  หากใครเผลอทำฝักบัวฉีดน้ำใส่เป็นได้บรรลัยกันไปข้าง ตายเปลือย  ห้องนอนว่าคับแคบสำหรับพัก 4 คนแล้ว  ห้องน้ำแคบซะยิ่งกว่าอีก  นั่นแหละที่กลัวว่าจะทำฝักบัวฉีดน้ำใส่สวิทไฟฟ้า  เฮ้อ.... ชาวเขา ก็ยังเป็นชาวเขา  ยังไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย   แต่ราคาห้องดันแพงกว่าบ้านลุงแดงที่ผมเคยนอนประจำซะอีก  ในห้องนอนมี TV อยู่เครื่องหนึ่งที่พวกเราไม่มีใครสนใจ  เพราะว่าทุกคนกำลังหน้ามืดตามัว อยากจะหาปลั๊กไฟเพื่อชาร์มแบต  ทั้งของกล้อง ทั้งของโทรศัพท์   ที่มุมประตูห้องน้ำ มีโต๊ะเล็กๆที่ด้านบนวางแก้วน้ำเอาไว้ 2-3 ใบ นอกนั้นก็ยังมีกาแฟแบบซองให้อีก 2-3 ซอง  แต่ไม่มีกระติกน้ำร้อนให้   ลองสอบถามว่าแล้วเวลาจะชงกาแฟจะทำไง  แกตอบหน้าตาเฉยว่า  ก็มารินน้ำร้อนที่บ้านคนเฝ้ารีสอร์ตสิจ๊ะ เออ... ให้มันได้อย่างงี้สิว๊ะ   พอถามว่ามีอาหารเย็นขายไหม?  พี่แกก็ตอบว่าคุณต้องไปหากินที่ตลาดข้างนอกเอาเอง ที่นี่ไม่ขายอาหาร

      พอจัดของเสร็จ  ผมก็เดินออกมานอกห้อง  ลองเอาเลนส์ 100-400 ส่องวิวไปทางน้ำตก  ก็ได้ภาพมาอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ  แต่เวลาบ่ายแก่ๆอย่างนั้น  หมอกแดดมันเยอะมาก  เห็นอะไรไกลๆเป็นสีเทาๆไปหมด  ถ่ายไป 2-3 ใบแล้วผมก็ท้อใจอีก   เลยชักชวนกันออกไปดูดอกพญาเสือโคร่งที่หน้าโรงเรียนดีกว่า

ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 180mm  F8  iso 400  1/400 s

ภาพสอง  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 170mm  F8  iso 400  1/2000 s

บรรยายซะละเอียดเลยครับท่านประธาน สงสัยมีเวลาว่างเยอะนะครับท่าน  ภาพสวยงามมากครับ

สวยงามทุกภาพครับ บรรยายได้ครบรายละเอียดเลยครับน้าหมี 

ขอบคุณครับน้านะ

บรรยายซะละเอียดเลยครับท่านประธาน สงสัยมีเวลาว่างเยอะนะครับท่าน  ภาพสวยงามมากครับ

ว่างเยอะสิครับ  สาเหตุมาจาก  กลับมาลูกค้าดันเลื่อนงาน  รู้งี้ยังไม่กลับก็ดีสิ   แถมเอารถไปล้างแล้วเลยเช็คยาง  ปรากฎว่ามันบวมไปเส้นหนึ่งตามคาด  ต้องเอารถไปเปลี่ยนยาง  พอเข้าร้านยาง มันดันสตาร์ทไม่ได้ขึ้นมาอีก  พอเปลี่ยนยางเสร็จ เลยต้องเอารถไปเข้าอู่ เปลี่ยนไดสตาร์ทอีกลูก  กรรมแท้ๆ  งานนี้หมดไปอีกหมื่นกว่า  หมดสนุกเลย

มาต่ออีกนิดก่อนนอน

     ผมจอดรถให้สมาชิกไปถ่ายเสือกัน  แต่ผมรีๆรอๆ  ไม่ได้ถ่ายกะเค้า  เพราะแสงยังแข็งมากอยู่  เลยกะว่ารอวันพรุ่งนี้เช้าน่าจะเหมาะกว่า  พอบ่ายสี่โมงกว่า ก็ชวนกันไปถ่ายน้ำตกวชิรธาร  ไปถึงนักท่องเที่ยวเริ่มบางตาเพราะเย็นมากแล้ว  ผมกับเจ้าเบ็นซ์เตรียมอุปกรณ์  แต่น้านะกับเจ้าพ่อพริตตี้เริ่มเซ็งกะการถ่ายแลนด์  ชวนยังไงก็ไม่ไป สงสัยต่อหน้าหญิงทำเป็นแข็งแรง  พอลับหลัง บันไดขึ้นไปน้ำตกแค่สิบกว่าขั้นไม่กล้าขึ้นมากกว่า  ผมกับเจ้าเบ็นซ์ก็ไม่รอ  รีบเดินขึ้นไปเก็บภาพก่อนที่แสงสุดท้ายจะหมดไป

     มาเมื่อเที่ยวก่อน  น้ำตกแรงมาก  แถมลมกระโชกแรงอีกต่างหาก   พอตั้งกล้องยังไม่ทันถ่าย กล้องก็แฉะไปหมด   หมดปัญญาถ่ายเลย   มาคราวนี้แรงน้ำดูลดลงเล็กน้อย  แต่ละอองน้ำก็ยังคงฟุ้งกระจาย  ทำให้ผมกะเจ้าเบ็นซ์ต้องยกกล้องไปตั้งที่ด้านข้างน้ำตกแทน   แต่พอถ่ายไปไม่กี่ใบก็รู้สึกว่า  แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ยังสาดแสงอยู่นั้นมันรบกวนภาพมาก   เลยถอยออกมานั่งรอเวลาที่แสงอาทิตย์จะเลยขอบภาพไปก่อน   ครั้นพอเห็นว่าแสงหลบไปพ้นแล้วจะเริ่มเข้าไปถ่ายก็ปรากฎว่าลมเปลี่ยนทิศ  โชยเอาละอองน้ำมาทางที่ผมตั้งกล้องอยู่  ไม่รู้จะแก้ไขอย่างได้แต่นั่รอจนหมดแสง ลมก็ยังไม่เปลี่ยนทิศ  ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้อีกครั้ง

 เลนส์ 16-35mm ถ่ายที่ 16mm  F22  iso 50  10 s

     เมื่อไม่ได้ดังใจ  รอเท่าไรลมก็ไม่เป็นใจ  เลยยอมแพ้  กลับไปที่ทำการอุทยานหาข้าวเย็นหม่ำกันดีกว่า   เสร็จแล้วกลับเข้าที่พักซึ่งอยู่ท่ามกลางแปลงเพาะปลูกของโครงการเกษตร  พอค่ำลงต่างก็เปิดไฟให้แสงสว่างในแปลงปลูกกัน   ก็เลยนัดแนะกับน้านะและเจ้าเบ็นซ์ว่าเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะกลับออกมาถ่ายภาพแปลงสวนเกษตรกัน  ถึงห้องผมรีบอาบน้ำก่อนใคร  แล้วออกมานอนรอ ระหว่างที่รอ  แบตในตัวผมมันส่งสัญญาณกระพริบๆว่าแบตใกล้จะหมดแล้ว เพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน  ผมเลยผลอยหลับไปเมื่อไรไมทันรู้ตัว

     เช้ามา ผมตื่นก่อนใครๆ  รีบเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วก็ปลุกทุกคนให้ตื่น   แต่ถึงไม่ต้องปลุก ทุกคนก็คงต้องตื่นอยู่ดี  เพราะห้องมันแคบแค่นั้น ใครทำอะไรเป็นต้องสะเทือนไปทั้งห้อง  น้าหกคนต่อมา  แต่ครั้นพอถึงน้านะเข้าห้องน้ำบ้าง  ก็ได้ยินเสียงแกโวยวายออกมาจากห้องน้ำว่า

"ตายล่ะวา...  สงสัยแก๊สจะหมด  เครื่องทำน้ำร้อนอยู่ดีๆก็ดับไปเฉยเลย   จุดยังไงก็ไม่ติดซะแล้ว" 

"อ้าว...ซวยเบ็นซ์สิ   ก็เบ็นซ์ยังไม่ได้เข้าเลยอ่ะ"   เจ้าเบ็นซ์สะดุ้งเหยงทันทีที่ได้ยินว่าแก๊สหมด

"ฮ่าๆๆ"   ทุกคนหัวเราะกันท้องแข็ง   "โสน้าหน้า  ก็แกอยากอิดๆเอื้อนๆทำไมล่ะ  โดนเลย"   ผมแซว

      หลังจากที่ธุระส่วนตัวเสร็จก็ไปร้านอาหารอุทยานที่เดิม   กะว่าเช้านี่คงต้องเริ่มต้นกันที่นั่น  เพราะรอบๆบริเวณที่ทำการอุทยานมีต้นซากุระมากมาย   เราสั่งอาหารเช้ามาแกล้มสายลมหนาวและดอกไม้งามๆรอบกาย   อะไรมันจะมีความสุขได้ขนาดนี้....  หลังอาหาร  เราเดินไปหยิบกล้อง ของใครของมัน  มุมใครมุมมัน   แต่ผมยังคงต้องใช้เจ้าเลนส์ 100-400mm + TC1.4X เหมือนเมื่อวาน   พอประกอบเลนส์เสร็จ  หันมาก็เจอเข้ากับน้องๆพวกนี้เข้าครับ

ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 280mm  F7.1  iso 800  1/640 s

ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 330mm  F7.1  iso 200  1/200 s

    จากนั้นก็แยกย้ายกันไป  มุมใครมุมมัน  ต่างคนต่างเล็งกันเองครับ   ผมไดเปรียบตรงที่ช่วงชกยาวสามารถเก็บภาพในมุมสูงๆได้  และปลายทางแคบทำให้ผมบังคับฉากหลังได้ง่ายกว่าใคร   แต่ในขณะเดียวกัน  ผมก็เสียเปรียบเรื่องการสั่นไหวของภาพ  ต้องใช้ iso สูงๆเข้าช่วย  ยังดีนะ  ที่เป็น 5D III  เพราะอย่างน้อยก็เร่ง iso สูงๆได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องน๊อยส์รบกวนมากนัก   และความคมชัดก็คงจะสู้กับเลนส์มาโครแท้ๆไม่ได้  แถมยังดันทะลึ่งใส่ TC เข้าไปอีก   ก็ช่วยๆกันดูแล้วกันครับว่า ภาพที่ถ่ายผ่าน TC มันดรอปไปมากแค่ไหน

ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 250mm  F7.1  iso 800  1/250 s

ภาพ 2  เลนส์ 100-400mm + TC1.4X ถ่ายที่ 560mm  F8  iso 200  1/320 s

ภาพ 3  เลนส์ 100-400mm + ท่อมาโคร 3 ท่อน ถ่ายที่ 400mm  F11  iso 800  1/80 s

เอาอีกสักชุด


ภาพแรก  เลนส์ 100-400mm + ท่อมาโคร 3 ท่อน ถ่ายที่  400mm  F11  iso 800  1/250 s

ภาพ 2  เลนส์ 100-400mm + ท่อมาโคร 3 ท่อน ถ่ายที่ 400mm  F11  iso 800  1/250 s

ภาพ 3  เลนส์ 100-400mm + ท่อมาโคร 3 ท่อน ถ่ายที่ 400mm  F11  iso 800  1/400 s

บรรยายซะละเอียดเลยครับท่านประธาน สงสัยต้องจัด ทิปแล้วมั้งครับ(ผมอยากไปถ่าย landบ้างอ่ะครับ)สวยทุกรูปเลยครับขอบคุณน้าหมีสำหรับการแบ่งปันรูปถาพสวยๆนะครับ+ข้อมูลต่างๆขอบคุณมากครับ

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆครับแต่ก็มีคำถามที่จะถามน้าหมีมากมายเหมือนกันแต่คงต้องเอาไว้หลังไมค่อยถามดีกว่าครับเพราะคำถามในหัวค่อยข้างเยอะอยู่เอาเป็นว่าถ้าน้าหมีไปอีกขอติดไปด้วยน่ะครับ

บรรยายซะละเอียดเลยครับท่านประธาน สงสัยต้องจัด ทิปแล้วมั้งครับ(ผมอยากไปถ่าย landบ้างอ่ะครับ)สวยทุกรูปเลยครับขอบคุณน้าหมีสำหรับการแบ่งปันรูปถาพสวยๆนะครับ+ข้อมูลต่างๆขอบคุณมากครับ

ขอบคุณครับ น้าเอก 
ที่น่าแปลกใจคือ  เวลาที่จัดทริปจริงๆ  กลับไม่ค่อยมีคนอยากไปอ่ะครับ