ต่อไป »

[..เมื่อลงจาก กม.24 จนมาถึง กม.18 แล้ว ก็ขับรถสำรวจหมายนกอื่นๆครับ..เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับวันพรุ่งนี้..มีจับแมลงจุกดำป้อนลูก+พญาปากกว้างอกเงินที่ระหว่างลำธาร 3-2 และสามนิ้วหลังดำที่ข่าวว่าป้อนลูกอยูที่ฝั่งตรงข้ามเทรลช้างเหยียบ..ซึ่งต้องเดินเข้าไปไกลพอสมควร..แต่ผมยังไม่เข้าไปสำรวจครับ..ขับต่อมาจนผ่านแคมป์บ้านกร่าง..จนมาแวะดูรังพญาปากกว้างท้องแดงที่ กม.10 แต่รังอยู่สูงและไกลไม่น่าสนใจ....ก็ขับออกมาต่อ..แต่พอถึง กม.9 คุณพงธ์พันษ์ร้องจอดๆๆๆ..เพราะเห็นเจ้านี่เกาะอยู่กิ่งไม้สูงด้านซ้ายอยู่ไกลๆ..เค้าโมง-เค้าแมว..Asian Barred Owlet. นกประจำถิ่นที่หากินในตอนกลางคืน..ขนาดราวๆ 20.5-23 เซนติเมตร..]

..เมื่อลงจาก กม.24 จนมาถึง กม.18 แล้ว  ก็ขับรถสำรวจหมายนกอื่นๆครับ..เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับวันพรุ่งนี้..
มีจับแมลงจุกดำป้อนลูก+พญาปากกว้างอกเงินที่ระหว่างลำธาร 3-2 และสามนิ้วหลังดำที่ข่าวว่าป้อนลูกอยูที่ฝั่งตรงข้ามเทรลช้างเหยียบ..ซึ่งต้องเดินเข้าไปไกลพอสมควร..
แต่ผมยังไม่เข้าไปสำรวจครับ..ขับต่อมาจนผ่านแคมป์บ้านกร่าง..จนมาแวะดูรังพญาปากกว้างท้องแดงที่ กม.10  แต่รังอยู่สูงและไกลไม่น่าสนใจ..
..ก็ขับออกมาต่อ..แต่พอถึง กม.9 คุณพงธ์พันษ์ร้องจอดๆๆๆ..เพราะเห็นเจ้านี่เกาะอยู่กิ่งไม้สูงด้านซ้ายอยู่ไกลๆ..
เค้าโมง-เค้าแมว..Asian  Barred  Owlet.  นกประจำถิ่นที่หากินในตอนกลางคืน..ขนาดราวๆ 20.5-23 เซนติเมตร..

[..คือมันเย็นย่ำ 17.46 น.แล้ว..เค้าจึงออกจากโพรงรังมายืนไซ้ขนเตรียมออกหากินอยู่ตรงนี้..เป็นนกประจำถิ่นที่พบตามป่าดิบ-ป่าโปร่ง-สวนผลไม้ในไทยทั้งหมด...ยกเว้นทางภาคใต้เลยประจวบคีรีขันธ์ลงไปจะไม่มีเลย..คุณพงษ์พันธ์ประกอบชุดกล้องกับขาตั้งไปถ่าย..ส่วนผมนั้นกล้องอยู่กับมืออยู่แล้ว..แต่ขี้เกียจตั้งขา..เพราะข้าวของอุปกรณ์วางซ้อนทับกันรื้อลำบาก..และเกรงว่ากว่าจะประกอบกล้องเสร็จเค้าก็บินไปแล้ว....ก็ยกซดด้วยมือโดยเปิดระบบกันสั่นช่วย..ด้วยระยะถ่ายราวๆ 60 เมตร. ได้มาขนาดนี้ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว(ที่เห็นนี่คร์อปมากว่าครึ่ง..แต่ยังเห็นเส้นใยของแมงมุมตรงข้างหัวเค้า)ส่วนสองผู้อาวุโสนั่งดูอยู่บนรถ..ด้วยเหตุผลแบบเดียวกับผมนั่นแหละ..จบงานวันนี้เพียงแค่นี้แล้วก็ขับออกจากหน้าด่านตอนราว 18.00 น.คือก็มีกฎอุทยานอยู่ว่าให้นักท่องเที่ยวออกให้พ้นจากอุทยานไม่เกิน 18.00 น.(นอกจากคนที่กางเต็นท์นอนที่บ้านกร่าง)..แต่รู้สึกว่ากฎนี้จะไม่เคร่งครัดนัก....ยังไงก็ต้องระวังครับ..ไอ้กฎนะไม่เท่าไหร่..แต่เส้นทางระหว่างนี้มีทั้งกระทิง+เสือดาว+ช้าง..ซึ่งเจ้าอย่างหลังนี่เวลาเราขับผ่าน..จะเห็นซากไม้ไผ่ที่เค้าหักลงมากินที่ข้างทางและถ่ายอึไว้ประจำ..กลับเข้าบ้านพักที่คุณพงษ์พันธ์โทรมาจองไว้..ทานมื้อเย็นอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนเช็คภาพ....ขอบคุณที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..คือมันเย็นย่ำ 17.46 น.แล้ว..เค้าจึงออกจากโพรงรังมายืนไซ้ขนเตรียมออกหากินอยู่ตรงนี้..
เป็นนกประจำถิ่นที่พบตามป่าดิบ-ป่าโปร่ง-สวนผลไม้ในไทยทั้งหมด...ยกเว้นทางภาคใต้เลยประจวบคีรีขันธ์ลงไปจะไม่มีเลย..
คุณพงษ์พันธ์ประกอบชุดกล้องกับขาตั้งไปถ่าย..ส่วนผมนั้นกล้องอยู่กับมืออยู่แล้ว..แต่ขี้เกียจตั้งขา..เพราะข้าวของอุปกรณ์วางซ้อนทับกันรื้อลำบาก..และเกรงว่ากว่าจะประกอบกล้องเสร็จเค้าก็บินไปแล้ว..
..ก็ยกซดด้วยมือโดยเปิดระบบกันสั่นช่วย..ด้วยระยะถ่ายราวๆ 60 เมตร.  ได้มาขนาดนี้ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว(ที่เห็นนี่คร์อปมากว่าครึ่ง..แต่ยังเห็นเส้นใยของแมงมุมตรงข้างหัวเค้า)
ส่วนสองผู้อาวุโสนั่งดูอยู่บนรถ..ด้วยเหตุผลแบบเดียวกับผมนั่นแหละ..จบงานวันนี้เพียงแค่นี้แล้วก็ขับออกจากหน้าด่านตอนราว 18.00 น.
คือก็มีกฎอุทยานอยู่ว่าให้นักท่องเที่ยวออกให้พ้นจากอุทยานไม่เกิน 18.00 น.(นอกจากคนที่กางเต็นท์นอนที่บ้านกร่าง)..แต่รู้สึกว่ากฎนี้จะไม่เคร่งครัดนัก..
..ยังไงก็ต้องระวังครับ..ไอ้กฎนะไม่เท่าไหร่..แต่เส้นทางระหว่างนี้มีทั้งกระทิง+เสือดาว+ช้าง..ซึ่งเจ้าอย่างหลังนี่เวลาเราขับผ่าน..จะเห็นซากไม้ไผ่ที่เค้าหักลงมากินที่ข้างทางและถ่ายอึไว้ประจำ..
กลับเข้าบ้านพักที่คุณพงษ์พันธ์โทรมาจองไว้..ทานมื้อเย็นอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนเช็คภาพ..
..ขอบคุณที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

นกพวกนี่ คอหันได้ 360องศาเลยหรือป่าวครับ

[..คงไม่ถึงครับ..น่าจะแค่ราวๆ 270 องศา..เพราะเค้ามีกระดูกช่วงคอถึง 14 ชิ้นเลย..]

นกพวกนี่ คอหันได้ 360องศาเลยหรือป่าวครับ

..คงไม่ถึงครับ..น่าจะแค่ราวๆ 270 องศา..เพราะเค้ามีกระดูกช่วงคอถึง 14 ชิ้นเลย..