ต่อไป »

[..วันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีสี่ครึ่งครับ..เพราะนัดเจ้านายไว้ตีห้า..แต่เมื่อมาหน้าห้องเจ้านายก็ตื่นและพร้อมอยู่ก่อนแล้ว..ก็ขึ้นรถขับจากที่พักเข้าไปทางบ่อน้ำพุร้อน..แต่เราไม่ต้องเลี้ยวขวาเข้าไปสี่ห้ากิโลเพื่อขอใบอนุญาติเพราะทำมาเมื่อวานนี้แล้ว....เมื่อเลยมาราวครึ่งกิโลมีร้านเซเว่นเปิดใหม่..คุณพงษ์พันธ์ก็ชวนชาวคณะลงไปหากาแฟร้อน+ขนมปังกินเป็นมื้อเช้ากันก่อน..ส่วนมื้อเที่ยงเราซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว..พูดถึงเรื่องนี้ผมมีสาระสำคัญที่ต้องแจ้งให้เพื่อนๆทราบ..และผมเองก็พึ่งได้รู้มาเมื่อวันที่ 05/04/2022 จากไลน์กลุ่มที่ถ่ายนกด้วยกันครับ..คือกรมอุทยานออกกฎหมายใหม่มาว่า..ห้ามผู้ใดนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเช่นถุงหูหิ้ว/ขวดน้ำดื่ม/ข้าวกล่องเซเว่น/ห่อขนมปัง/ช้อน+ส้อมพลาสติค/หลอดน้ำ+หลอดกาแฟร้อนพลาสติค/กล่องโฟมทุกชนิด/และถุงยางอนามัย(เพราะมันก็ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเหมือนกัน..อิๆ)เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติทุกๆที่..หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดถึงหนึ่งแสนบาท..ประกาศใช้ ณ.วันที่ 11/02/2022 โดยนายธัญญา เนติธรรมกุล ในฐานะอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ......แม่จ้าว...ผมขึ้นดอยลางและสันจุ๊โดยยังไม่ทราบกฏนี้ครับ..จึงจัดหาสารพัดสิ่งที่ต้องห้ามนี้ขึ้นไปด้วย..เพราะมันคือความสะดวกสบายของนักท่องเที่ยวที่เข้าอุทยาน..ออกกฎมาขนาดนี้นี่..ผมคงไม่กล้าเข้าอุทยานแล้วครับ..เผลอๆซวยๆในรถดันมีหลอดเก่าๆตกอยู่..อาจโดนปรับเป็นแสนล่มจมหมดตัวเลย..เหอๆๆ..ไอ้การห้ามทิ้งสิ่งของพวกนี้ในเขตอุทยานนั่นผมเห็นด้วย..และผมก็เก็บขยะของผมกลับมาทุกชิ้นทุกครั้ง..แต่ก็รู้ว่ามันมีพวกมักง่ายกินแล้วทิ้งไว้ให้เป็นภาระของกรมอุทยาน..แต่การตั้งกฎให้สามารถปรับสูงสุดได้ถึงหนึ่งแสนบาทนั้น..บ้านผมไม่เรียกว่าปรับแล้วครับ...เค้าเรียกว่า"ปล้น"..กฎที่สมควรนั้นค่าปรับไม่น่าเกินห้าร้อยบาท..และต้องไม่ใช่เพียงเจอว่ามีติดรถเข้ามาก็ปรับแล้ว..มันต้องเห็นกันคาตาว่าเค้าทิ้งขยะนั้นจริงๆ..อยากจะบอกกับกรมว่าค่าเข้าอุทยานนั้นเดี๋ยวนี้เก็บแพงนะ..อย่างเมื่อวันที่ 03/04/2022 นั้นผมไปแก่งกระจานมา..ค่าเข้าคนไทย 100 ต่างชาติ 300 บาทต่อคนแล้ว..ทำไมไม่คิดแก้ปัญหานี้โดยเจียดเงินค่าเข้านั้นนิ๊ดดดดดดเดียว..มาซื้อถุงดำแจกรถทุกคันที่เข้า..และกำชับอย่างเด็ดขาดว่าต้องเก็บขยะทุกชิ้นของคุณกลับออกมาด้วย....ทำงานเหมือนมีหัวไว้แค่กันหูติดกันนี่หว่า..และต่อไปนี้ในอุทยานก็ขายน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกไม่ได้แล้วสิ...เพราะมันจะละเมิดกฎของตัวเอง..(เอ..หรือจะมีข้อยกเว้นว่าตัวเองทำได้...เหอๆๆ)วันที่ผมไปแก่งนั้นผมไปซื้อกาแฟร้อนที่ร้านค้าสวัสดิการ(มีอยู่แค่ร้านเดียวนั่นแหละ)..ก็เห็นยังใส่ถ้วยพลาสติคแบบเดียวกับร้านเซเว่นให้ผมนี่นา....หรือว่ากฎนี้ออกมาเพื่อขู่เฉยๆ..เพราะก็ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเลย..แต่ถ้าวันไหนหมั่นไส้ใคร+เฮี้ยนขึ้นมาก็เอาซะทีนึง..ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการคงไม่ได้เห็นด้วยหรอก..แต่ในกรมจะเอายังงี้..ใครจะทำไม..]

..วันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีสี่ครึ่งครับ..เพราะนัดเจ้านายไว้ตีห้า..แต่เมื่อมาหน้าห้องเจ้านายก็ตื่นและพร้อมอยู่ก่อนแล้ว..
ก็ขึ้นรถขับจากที่พักเข้าไปทางบ่อน้ำพุร้อน..แต่เราไม่ต้องเลี้ยวขวาเข้าไปสี่ห้ากิโลเพื่อขอใบอนุญาติเพราะทำมาเมื่อวานนี้แล้ว..
..เมื่อเลยมาราวครึ่งกิโลมีร้านเซเว่นเปิดใหม่..คุณพงษ์พันธ์ก็ชวนชาวคณะลงไปหากาแฟร้อน+ขนมปังกินเป็นมื้อเช้ากันก่อน..ส่วนมื้อเที่ยงเราซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว..
พูดถึงเรื่องนี้ผมมีสาระสำคัญที่ต้องแจ้งให้เพื่อนๆทราบ..และผมเองก็พึ่งได้รู้มาเมื่อวันที่ 05/04/2022 จากไลน์กลุ่มที่ถ่ายนกด้วยกันครับ..
คือกรมอุทยานออกกฎหมายใหม่มาว่า..ห้ามผู้ใดนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเช่นถุงหูหิ้ว/ขวดน้ำดื่ม/ข้าวกล่องเซเว่น/ห่อขนมปัง/ช้อน+ส้อมพลาสติค/หลอดน้ำ+หลอดกาแฟร้อนพลาสติค/กล่องโฟมทุกชนิด/และถุงยางอนามัย(เพราะมันก็ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเหมือนกัน..อิๆ)เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติทุกๆที่..หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดถึงหนึ่งแสนบาท..ประกาศใช้ ณ.วันที่ 11/02/2022  โดยนายธัญญา  เนติธรรมกุล  ในฐานะอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ..
....แม่จ้าว...ผมขึ้นดอยลางและสันจุ๊โดยยังไม่ทราบกฏนี้ครับ..จึงจัดหาสารพัดสิ่งที่ต้องห้ามนี้ขึ้นไปด้วย..เพราะมันคือความสะดวกสบายของนักท่องเที่ยวที่เข้าอุทยาน..
ออกกฎมาขนาดนี้นี่..ผมคงไม่กล้าเข้าอุทยานแล้วครับ..เผลอๆซวยๆในรถดันมีหลอดเก่าๆตกอยู่..อาจโดนปรับเป็นแสนล่มจมหมดตัวเลย..เหอๆๆ
..ไอ้การห้ามทิ้งสิ่งของพวกนี้ในเขตอุทยานนั่นผมเห็นด้วย..และผมก็เก็บขยะของผมกลับมาทุกชิ้นทุกครั้ง..แต่ก็รู้ว่ามันมีพวกมักง่ายกินแล้วทิ้งไว้ให้เป็นภาระของกรมอุทยาน..
แต่การตั้งกฎให้สามารถปรับสูงสุดได้ถึงหนึ่งแสนบาทนั้น..บ้านผมไม่เรียกว่าปรับแล้วครับ...เค้าเรียกว่า"ปล้น"
..กฎที่สมควรนั้นค่าปรับไม่น่าเกินห้าร้อยบาท..และต้องไม่ใช่เพียงเจอว่ามีติดรถเข้ามาก็ปรับแล้ว..มันต้องเห็นกันคาตาว่าเค้าทิ้งขยะนั้นจริงๆ..
อยากจะบอกกับกรมว่าค่าเข้าอุทยานนั้นเดี๋ยวนี้เก็บแพงนะ..อย่างเมื่อวันที่ 03/04/2022 นั้นผมไปแก่งกระจานมา..ค่าเข้าคนไทย 100 ต่างชาติ 300 บาทต่อคนแล้ว..
ทำไมไม่คิดแก้ปัญหานี้โดยเจียดเงินค่าเข้านั้นนิ๊ดดดดดดเดียว..มาซื้อถุงดำแจกรถทุกคันที่เข้า..และกำชับอย่างเด็ดขาดว่าต้องเก็บขยะทุกชิ้นของคุณกลับออกมาด้วย..
..ทำงานเหมือนมีหัวไว้แค่กันหูติดกันนี่หว่า..
และต่อไปนี้ในอุทยานก็ขายน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกไม่ได้แล้วสิ...เพราะมันจะละเมิดกฎของตัวเอง..(เอ..หรือจะมีข้อยกเว้นว่าตัวเองทำได้...เหอๆๆ)
วันที่ผมไปแก่งนั้นผมไปซื้อกาแฟร้อนที่ร้านค้าสวัสดิการ(มีอยู่แค่ร้านเดียวนั่นแหละ)..ก็เห็นยังใส่ถ้วยพลาสติคแบบเดียวกับร้านเซเว่นให้ผมนี่นา..
..หรือว่ากฎนี้ออกมาเพื่อขู่เฉยๆ..เพราะก็ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเลย..แต่ถ้าวันไหนหมั่นไส้ใคร+เฮี้ยนขึ้นมาก็เอาซะทีนึง..
ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการคงไม่ได้เห็นด้วยหรอก..แต่ในกรมจะเอายังงี้..ใครจะทำไม..

[..พล่ามไปซะไกลเลย..แต่มันก็เป็นเนื้อหาสาระที่นักท่องเที่ยวต้องรับรู้ครับ..เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของคุณเอง...เหอๆๆเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า..หลังจากอัดกาแฟแล้วคณะเราก็ไปกันต่อ..วิ่งผ่านบ้านน้ำมาวถึงสวนส้มธนาธร(ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองนะ)ถนนอัดยางใหม่เรียบกริ๊บ..แต่พอเลยทางเข้าสวนทางก็แคบลงเพราะคงหมดงบประมาณ..ฮ่าๆๆ..สองข้างทางหญ้ารกแคบเข้ามา..เราก็วิ่งฝ่าความมืดไปจนถึงสะพานสุดท้ายก่อนขึ้นเขาสูง....คือตรงนี้ทางอุทยานมาทำด่านกั้นเพื่อตรวจบัตรไว้ครับ..แต่เมื่อวานนี้ทางอุทยานแจ้งไว้แล้วว่าไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่..เพราะนักท่องเที่ยวมาน้อยเลยไม่คุ้มที่ต้องส่งคนมาเฝ้า..ผ่านด่านมาแล้วทางขึ้นเขาสูงชัน+รกและแคบ..แต่ก็เป็นถนนราดยางเรียบ..ไม่เหมือนที่ดอยลางซึ่งเป็นถนนออฟโร๊ด..แต่ขับที่นี่ต้องระวังรถยีเอ็มซีของทหารที่ตั้งหน่วยอยู่ด้านบนวิ่งสวนทาง..ผมขับไปตาก็มองหาตำแหน่งที่สามปีที่แล้วมาถ่ายไก่ฟ้าหางลายขวาง..แต่มันยังมืดอยู่มองทัศนะวิศัยไม่ค่อยเห็น..ก็ช่วยกันดูกับคุณพงษ์พันธ์จนในที่สุดก็มาถึงหมาย..ยังไม่มีใครมากันเลย....จอดรถได้ก็เอาไฟฉายลงไปส่องพื้นถนนเพื่อหาว่ามีใครมาเลี้ยงไก่บ้างมั้ย..ก็ไม่เห็นมีเมล็ดธัญญพืชอะไรหลงเหลืออยู่เลย..คงเพราะกฎห้ามให้อาหารสัตว์ที่ทางกรมบังคับใช้นั่นแหละ..สักพักมีรถตามมาอีกคัน..เค้าลงมากันสามคนและเอาไบลด์มากางละ..คณะเราก็เลยกางมั่งตอนราวหกโมงเช้าแต่ฟ้ายังมืดอยู่..อากาศไม่เย็นอย่างที่คาดไว้..มันน่าจะราวๆ 18 องศาครับ..]

..พล่ามไปซะไกลเลย..แต่มันก็เป็นเนื้อหาสาระที่นักท่องเที่ยวต้องรับรู้ครับ..เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของคุณเอง...เหอๆๆ
เข้าเรื่องกันต่อดีกว่า..หลังจากอัดกาแฟแล้วคณะเราก็ไปกันต่อ..วิ่งผ่านบ้านน้ำมาวถึงสวนส้มธนาธร(ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองนะ)ถนนอัดยางใหม่เรียบกริ๊บ..
แต่พอเลยทางเข้าสวนทางก็แคบลงเพราะคงหมดงบประมาณ..ฮ่าๆๆ..สองข้างทางหญ้ารกแคบเข้ามา..เราก็วิ่งฝ่าความมืดไปจนถึงสะพานสุดท้ายก่อนขึ้นเขาสูง..
..คือตรงนี้ทางอุทยานมาทำด่านกั้นเพื่อตรวจบัตรไว้ครับ..แต่เมื่อวานนี้ทางอุทยานแจ้งไว้แล้วว่าไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่..เพราะนักท่องเที่ยวมาน้อยเลยไม่คุ้มที่ต้องส่งคนมาเฝ้า..
ผ่านด่านมาแล้วทางขึ้นเขาสูงชัน+รกและแคบ..แต่ก็เป็นถนนราดยางเรียบ..ไม่เหมือนที่ดอยลางซึ่งเป็นถนนออฟโร๊ด..แต่ขับที่นี่ต้องระวังรถยีเอ็มซีของทหารที่ตั้งหน่วยอยู่ด้านบนวิ่งสวนทาง..
ผมขับไปตาก็มองหาตำแหน่งที่สามปีที่แล้วมาถ่ายไก่ฟ้าหางลายขวาง..แต่มันยังมืดอยู่มองทัศนะวิศัยไม่ค่อยเห็น..ก็ช่วยกันดูกับคุณพงษ์พันธ์จนในที่สุดก็มาถึงหมาย..ยังไม่มีใครมากันเลย..
..จอดรถได้ก็เอาไฟฉายลงไปส่องพื้นถนนเพื่อหาว่ามีใครมาเลี้ยงไก่บ้างมั้ย..ก็ไม่เห็นมีเมล็ดธัญญพืชอะไรหลงเหลืออยู่เลย..คงเพราะกฎห้ามให้อาหารสัตว์ที่ทางกรมบังคับใช้นั่นแหละ..
สักพักมีรถตามมาอีกคัน..เค้าลงมากันสามคนและเอาไบลด์มากางละ..คณะเราก็เลยกางมั่งตอนราวหกโมงเช้าแต่ฟ้ายังมืดอยู่..อากาศไม่เย็นอย่างที่คาดไว้..มันน่าจะราวๆ 18 องศาครับ..

[..เราทั้งเจ็ดคนรออยู่นานจนในที่สุดสามคนนั้นก็ถอนไบลด์ไป..ด้วยเพราะคาดว่าไก่คงไม่มาหาอาหารที่นี่แล้ว..เพราะไม่มีอาหารให้หา..แต่คณะเรายังอยู่ต่อ..เพื่อถ่ายนกตัวอื่นๆที่พอมีมายาไส้..อิๆๆเจ้านี่มาตอน 06.34 น.ครับ..อีเสือหลังเทา..Gray-backed Shrike. เพศผู้/เมียหน้าตาเหมือนกัน..แต่ตัวนี้ยังโตไม่เต็มวัยโดยดูจากขนหน้าอกยังเป็นลายเกล็ดอยู่..]

..เราทั้งเจ็ดคนรออยู่นานจนในที่สุดสามคนนั้นก็ถอนไบลด์ไป..ด้วยเพราะคาดว่าไก่คงไม่มาหาอาหารที่นี่แล้ว..เพราะไม่มีอาหารให้หา..
แต่คณะเรายังอยู่ต่อ..เพื่อถ่ายนกตัวอื่นๆที่พอมีมายาไส้..อิๆๆ
เจ้านี่มาตอน 06.34 น.ครับ..อีเสือหลังเทา..Gray-backed  Shrike.  เพศผู้/เมียหน้าตาเหมือนกัน..แต่ตัวนี้ยังโตไม่เต็มวัยโดยดูจากขนหน้าอกยังเป็นลายเกล็ดอยู่..

[..ขนาดเค้าราวๆ 22.5-25.5 เซนติเมตร..เป็นนกอพยบที่ส่วนใหญ่พบในภาคเหนือ..และมีที่แถวเขาใหญ่+เพชรบูรณ์+เลย..จุดหากินถิ่นอาศัยพบได้ตั้งแต่ระดับพื้นราบจนถึงความสูง 2000 เมตร..พบไม่บ่อย/หรือพบค่อนข้างบ่อยในบางพื้นที่....ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..ขนาดเค้าราวๆ 22.5-25.5 เซนติเมตร..เป็นนกอพยบที่ส่วนใหญ่พบในภาคเหนือ..และมีที่แถวเขาใหญ่+เพชรบูรณ์+เลย..
จุดหากินถิ่นอาศัยพบได้ตั้งแต่ระดับพื้นราบจนถึงความสูง 2000 เมตร..พบไม่บ่อย/หรือพบค่อนข้างบ่อยในบางพื้นที่..
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..