ต่อไป »

[..ย้อนเวลาไปราวสามสิบกว่าปีครับ..กับการไปเที่ยวที่ถ้ำไทรครั้งแรก..ที่ปัจจุบันอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด..ในสมัยนั้นการเข้าเที่ยวชมยังฟรีครับ..เพราะเขตอุทยานมาตั้งครอบคลุมพื้นที่ทีหลัง..ก็จ่ายเฉพาะค่าเช่าตะเกียงซึ่งมีให้เลือกสองแบบ..คือตะเกียงรั้วและเจ้าพายุซึ่งค่าเช่าแตกต่างกัน..หลังจากจอดรถแล้วต้องขึ้นเขาราว 750 เมตร..มาเช่าตะเกียงที่หน้าถ้ำ..นี่ใบแรกตรงปากทางลงถ้ำครับ..]

..ย้อนเวลาไปราวสามสิบกว่าปีครับ..กับการไปเที่ยวที่ถ้ำไทรครั้งแรก..ที่ปัจจุบันอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด..
ในสมัยนั้นการเข้าเที่ยวชมยังฟรีครับ..เพราะเขตอุทยานมาตั้งครอบคลุมพื้นที่ทีหลัง..ก็จ่ายเฉพาะค่าเช่าตะเกียงซึ่งมีให้เลือกสองแบบ..คือตะเกียงรั้วและเจ้าพายุซึ่งค่าเช่าแตกต่างกัน..
หลังจากจอดรถแล้วต้องขึ้นเขาราว 750 เมตร..มาเช่าตะเกียงที่หน้าถ้ำ..นี่ใบแรกตรงปากทางลงถ้ำครับ..

[..หลังจากลงบันไดไม้ลงไปก็จะเจอกับเสาหินที่เกิดจากหินงอก/หินย้อย..มันต้องใช้เวลานานนับหมื่นๆปีจนยาวลงมาถึงพื้น..และในช่วงเวลาดังกล่าวก็คงจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น..จนเสาหินนี้หักกลางนี่แหละ..]

..หลังจากลงบันไดไม้ลงไปก็จะเจอกับเสาหินที่เกิดจากหินงอก/หินย้อย..มันต้องใช้เวลานานนับหมื่นๆปีจนยาวลงมาถึงพื้น..
และในช่วงเวลาดังกล่าวก็คงจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น..จนเสาหินนี้หักกลางนี่แหละ..

[..เป็นถ้ำที่ไม่ได้ลึกมาก..และด้วยมีปล่องอยู่ด้านบนทำได้แสงแดดส่องเข้ามาได้..รวมทั้งอากาศจึงไหลเวียนไม่อับทึบ..หายใจได้สะดวกการถ่ายภาพสถานที่แบบนี้สมควรต้องมีผู้คนประกอบ..ไม่งั้นจะนึกประมาณขนาดไม่ออกครับ..]

..เป็นถ้ำที่ไม่ได้ลึกมาก..และด้วยมีปล่องอยู่ด้านบนทำได้แสงแดดส่องเข้ามาได้..รวมทั้งอากาศจึงไหลเวียนไม่อับทึบ..หายใจได้สะดวก
การถ่ายภาพสถานที่แบบนี้สมควรต้องมีผู้คนประกอบ..ไม่งั้นจะนึกประมาณขนาดไม่ออกครับ..

[..ไอ้ที่เห็นแสงเหลืองๆแดงๆนั่นไม่ใช่แสงจากลาวานะครับ..มันคือแสงตะเกียงเจ้าพายุที่เช่าไปนั่นแหละ..ปีนป่ายเอาไปวางในแต่ละจุดเพื่อถ่ายภาพ..ถ้าไม่มีผู้ช่วยนี่ถ่ายลำบากแน่..เพราะวางตะเกียงเสร็จก็ต้องปีนลงมากดชัตเตอร์ที่กล้องอีก..เดี๋ยวได้พลัดตกลงมา..แต่ยุคนี้น่าจะง่ายแล้ว..ตั้งกล้องเสร็จก็ถือไปเฉพาะรีโมทกับตะเกียง..ชอบใจตรงไหนก็ตั้งตะเกียงแล้วกดรีโมทเลย..]

..ไอ้ที่เห็นแสงเหลืองๆแดงๆนั่นไม่ใช่แสงจากลาวานะครับ..มันคือแสงตะเกียงเจ้าพายุที่เช่าไปนั่นแหละ..
ปีนป่ายเอาไปวางในแต่ละจุดเพื่อถ่ายภาพ..ถ้าไม่มีผู้ช่วยนี่ถ่ายลำบากแน่..เพราะวางตะเกียงเสร็จก็ต้องปีนลงมากดชัตเตอร์ที่กล้องอีก..เดี๋ยวได้พลัดตกลงมา..
แต่ยุคนี้น่าจะง่ายแล้ว..ตั้งกล้องเสร็จก็ถือไปเฉพาะรีโมทกับตะเกียง..ชอบใจตรงไหนก็ตั้งตะเกียงแล้วกดรีโมทเลย..

[..หลังจากที่ถ่ายครั้งนี้แล้วผมมีไปถ่ายอีกสองสามครั้งมัง..ครั้งล่าสุดก็เมื่อราวสามปีที่แล้วซึ่งไปกับท่านประธาน/น้านิดหน่อย/น้าเปา..โดยไปรถน้านิดเพราะเราจะไปเซอร์เวย์เรื่องเอานางแบบไปถ่ายที่ถ้ำพระยานคร..จากถ้ำพระยานครพอมาถึงที่นี่ท่านประธานไม่ยอมขึ้นครับ..บอกขออาสาเฝ้ารถ..ฮ่าๆๆ(ที่จริงเพราะหมดแรงเดินตั้งแต่ถ้ำพระยานครแล้ว)..ก็เหลือแค่สามหนุ่มเดินขึ้นไปเก็บภาพที่ถ้ำมา....เป็นยุคกล้องดิจิทัลแล้ว..แต่ถ่ายมาไม่สวยเพราะมันไม่มีตะเกียงเจ้าพายุให้เช่าละ..กลายเป็นไฟฉายให้เช่าแทน..และต้องเช่าตั้งแต่จ่ายเงินค่าเข้าชมจากข้างล่าง..ตรงปากทางขึ้นจากลานจอดรถโน่น..คณะเราไม่เช่าไฟฉายครับ...เพราะเรามีมาเอง..แต่ปัญหาคือเมื่อเอาไฟฉายส่องแล้วถ่ายภาพมันจะแบนๆขาดมิติเพราะเรายืนส่องจากข้างกล้องนั่นแหละ..มันง่ายดี..อิๆๆ]

..หลังจากที่ถ่ายครั้งนี้แล้วผมมีไปถ่ายอีกสองสามครั้งมัง..ครั้งล่าสุดก็เมื่อราวสามปีที่แล้วซึ่งไปกับท่านประธาน/น้านิดหน่อย/น้าเปา..โดยไปรถน้านิดเพราะเราจะไปเซอร์เวย์เรื่องเอานางแบบไปถ่ายที่ถ้ำพระยานคร..
จากถ้ำพระยานครพอมาถึงที่นี่ท่านประธานไม่ยอมขึ้นครับ..บอกขออาสาเฝ้ารถ..ฮ่าๆๆ(ที่จริงเพราะหมดแรงเดินตั้งแต่ถ้ำพระยานครแล้ว)..ก็เหลือแค่สามหนุ่มเดินขึ้นไปเก็บภาพที่ถ้ำมา..
..เป็นยุคกล้องดิจิทัลแล้ว..แต่ถ่ายมาไม่สวยเพราะมันไม่มีตะเกียงเจ้าพายุให้เช่าละ..กลายเป็นไฟฉายให้เช่าแทน..และต้องเช่าตั้งแต่จ่ายเงินค่าเข้าชมจากข้างล่าง..ตรงปากทางขึ้นจากลานจอดรถโน่น..
คณะเราไม่เช่าไฟฉายครับ...เพราะเรามีมาเอง..แต่ปัญหาคือเมื่อเอาไฟฉายส่องแล้วถ่ายภาพมันจะแบนๆขาดมิติเพราะเรายืนส่องจากข้างกล้องนั่นแหละ..มันง่ายดี..อิๆๆ

[..จากที่เห็นภาพที่ได้มาเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนนั้น..ผลึกแร่แคลไซต์ยังขาวสะอาดระยิบระยับละลานตายามต้องแสงไฟ..แต่ปัจจุบันมันหม่นหมองขุ่นมัวลง..อาจเพราะมีตะกันตะกอนของหินลูกรังผสมปนเป..ยามที่ฝนตกชะล้างมันลงมากับแร่แคลไซต์ด้วย..ภาพชุดนี้เนื่องด้วยอายุขัยมันทำให้เกิดจุดด่างดำและขึ้นรา..ทั้งสีก็กินไปทางฟ้า+ม่วงหมด..บางใบนี่ยังกับถ่ายด้วยฟลิ์มโลโม่..ต้องใช้สารพัดวิชามารขุดให้มันพอดูได้ครับ....ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..จากที่เห็นภาพที่ได้มาเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนนั้น..ผลึกแร่แคลไซต์ยังขาวสะอาดระยิบระยับละลานตายามต้องแสงไฟ..
แต่ปัจจุบันมันหม่นหมองขุ่นมัวลง..อาจเพราะมีตะกันตะกอนของหินลูกรังผสมปนเป..ยามที่ฝนตกชะล้างมันลงมากับแร่แคลไซต์ด้วย..
ภาพชุดนี้เนื่องด้วยอายุขัยมันทำให้เกิดจุดด่างดำและขึ้นรา..ทั้งสีก็กินไปทางฟ้า+ม่วงหมด..บางใบนี่ยังกับถ่ายด้วยฟลิ์มโลโม่..ต้องใช้สารพัดวิชามารขุดให้มันพอดูได้ครับ..
..ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

 

สุดยอดมาก...

 

[..ไปครั้งหน้าต้องมีตะเกียงเจ้าพายุสักสองตัว..และผู้ช่วยแผนกไลท์ติ้งสองคนครับ..]

สุดยอดมาก...

..ไปครั้งหน้าต้องมีตะเกียงเจ้าพายุสักสองตัว..และผู้ช่วยแผนกไลท์ติ้งสองคนครับ..