ต่อไป »

[..จากวัดสมานผมก็มาที่นี่ครับ..โอ้โฮ..วันเวลาผ่านไปสิบปีเดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว..ผู้คนรถรามากันเนืองแน่น...จนตรงปากทางเข้าที่จอดรถติดขัด..ต้องรอคิวกันให้มีคันอื่นออกแล้วจึงได้เสียบแทน..ตอนผมมาครั้งที่แล้วนั้นตรงลานจอดนี่โล่งๆไม่มีรถซักคัน..คือมีมากันสักสิบคันแต่ทั้งหมดนั้นขับเข้าไปจอดข้างองค์พระพิคเนศได้เลย....อย่างว่า..ตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จเลยไม่ค่อยมีใครรู้จัก..แต่บัดนี้แม้แต่ชุดเครื่องบวงสรวงยังต้องเข้าคิวจ่ายตังค์ซื้อบัตร..แล้วเอาบัตรนั่นไปรับชุดบวงสรวงข้างใน..]

..จากวัดสมานผมก็มาที่นี่ครับ..โอ้โฮ..วันเวลาผ่านไปสิบปีเดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว..
ผู้คนรถรามากันเนืองแน่น...จนตรงปากทางเข้าที่จอดรถติดขัด..ต้องรอคิวกันให้มีคันอื่นออกแล้วจึงได้เสียบแทน..
ตอนผมมาครั้งที่แล้วนั้นตรงลานจอดนี่โล่งๆไม่มีรถซักคัน..คือมีมากันสักสิบคันแต่ทั้งหมดนั้นขับเข้าไปจอดข้างองค์พระพิคเนศได้เลย..
..อย่างว่า..ตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จเลยไม่ค่อยมีใครรู้จัก..แต่บัดนี้แม้แต่ชุดเครื่องบวงสรวงยังต้องเข้าคิวจ่ายตังค์ซื้อบัตร..แล้วเอาบัตรนั่นไปรับชุดบวงสรวงข้างใน..

[..ลิงค์ภาพเมื่อสิบปีที่แล้วครับ..อยู่ท้ายๆกระทู้นั่น..สังเกตุว่าต้นตาลที่ปลูกไว้นั้นยังเตี้ยๆอยู่เลย..มาบัดนี้สูงโย่งแล้วครับ..]

http://www.spc2010.net/index.php/topic,8785.0.html

..ลิงค์ภาพเมื่อสิบปีที่แล้วครับ..อยู่ท้ายๆกระทู้นั่น..สังเกตุว่าต้นตาลที่ปลูกไว้นั้นยังเตี้ยๆอยู่เลย..มาบัดนี้สูงโย่งแล้วครับ..

[..องค์นี้เป็นโลหะ..เข้าใจว่าเป็นสำริดครับ..แต่มันแย่ตรงที่บรรดาวิหคนกน้อยทั้งหลายมันไม่รู้ว่านี่คือสิ่งกราบไหว้บูชาของมนุษย์..บังอาจมายืนเกาะแล้วปล่อยระเบิดเรี่ยราดลงมาจนเขรอะไปหมด..และระเบิดเค้านี่มันมีฤทธิ์กัดกร่อนค่อนข้างแรง..เล่นซะสำริดขึ้นสนิมเขียวไปหมด....ด้านหน้าองค์จะมีหนูซึ่งก็ทำจากสำริดเช่นกัน..ขนาดตัวสูงใหญ่ราวๆหนึ่งเมตร..อยู่บนแท่นซึ่งรวมๆแล้วก็สูงราวเมตรครึ่ง..เท่าที่เห็นมีอยู่สี่ตัว..คือหนูนั้นในตำราบอกว่าเป็นพาหนะของพระพิคเนศ..แล้วก็ไม่รู้ว่าใครบัญญัติไว้ว่าเมื่อมากราบไหว้ท่านแล้วให้ไปกระซิบขอพรบอกสิ่งที่ต้องการกับหนูพาหนะนี่..วิธีการกระซิบคือให้เอามือซ้ายของท่านไปปิดหูขวาของหนู(คงเพื่อกันเสียงรบกวนรอบข้างซึ่งอาจทำให้พี่หนูไม่ได้ยิน//ได้ยินไม่ชัดถึงสิ่งที่ท่านขอ..เดี๋ยวสิ่งที่ให้มาจะผิดเพี้ยนไป)..แล้วเอามือขวาท่านป้องหูซ้ายของหนูโดยจ่อปากเข้าไปใกล้ๆหูพี่หนู..โอยยยย...คนต่อคิวขอพรพี่หมู..เอ๊ยยยหนู..กันยาวเหยียด..เล่นเอาบริเวณหูพี่หนูนั่นเงาวับยิ่งกว่าขัดวีน่อนด้วยสารพัดฝ่ามือที่มาขอพร..ทั้งที่ส่วนอื่นๆขึ้นสนิมเขียว..(เกิดมีคนเป็นโควิดมาขอพรด้วยนี่...ได้ติดกันไปอีกหลายสิบคน)พอถึงคิวผม..ผมไม่ขออะไร...บอกพี่หนูด้วยเสียงดังๆเลยว่า"เฮ้ยย...ข้ามาเที่ยวหน้าจะเอาแมวมาฝากนะ"...ฮ่าๆๆ..ทำเอาผู้คนรอบข้างมองผมด้วยสายตาอันขุ่นเคือง..ก๊ากกก....เรื่องกวนฝ่าเท้าขอให้ไว้ใจผม..ฮี่ๆๆๆ..เสียดายที่ลืมถ่ายพี่หนูมาให้ดูด้วยครับ..]

..องค์นี้เป็นโลหะ..เข้าใจว่าเป็นสำริดครับ..แต่มันแย่ตรงที่บรรดาวิหคนกน้อยทั้งหลายมันไม่รู้ว่านี่คือสิ่งกราบไหว้บูชาของมนุษย์..
บังอาจมายืนเกาะแล้วปล่อยระเบิดเรี่ยราดลงมาจนเขรอะไปหมด..และระเบิดเค้านี่มันมีฤทธิ์กัดกร่อนค่อนข้างแรง..เล่นซะสำริดขึ้นสนิมเขียวไปหมด..
..ด้านหน้าองค์จะมีหนูซึ่งก็ทำจากสำริดเช่นกัน..ขนาดตัวสูงใหญ่ราวๆหนึ่งเมตร..อยู่บนแท่นซึ่งรวมๆแล้วก็สูงราวเมตรครึ่ง..เท่าที่เห็นมีอยู่สี่ตัว..
คือหนูนั้นในตำราบอกว่าเป็นพาหนะของพระพิคเนศ..แล้วก็ไม่รู้ว่าใครบัญญัติไว้ว่าเมื่อมากราบไหว้ท่านแล้วให้ไปกระซิบขอพรบอกสิ่งที่ต้องการกับหนูพาหนะนี่..
วิธีการกระซิบคือให้เอามือซ้ายของท่านไปปิดหูขวาของหนู(คงเพื่อกันเสียงรบกวนรอบข้างซึ่งอาจทำให้พี่หนูไม่ได้ยิน//ได้ยินไม่ชัดถึงสิ่งที่ท่านขอ..เดี๋ยวสิ่งที่ให้มาจะผิดเพี้ยนไป)..
แล้วเอามือขวาท่านป้องหูซ้ายของหนูโดยจ่อปากเข้าไปใกล้ๆหูพี่หนู..โอยยยย...คนต่อคิวขอพรพี่หมู..เอ๊ยยยหนู..กันยาวเหยียด..
เล่นเอาบริเวณหูพี่หนูนั่นเงาวับยิ่งกว่าขัดวีน่อนด้วยสารพัดฝ่ามือที่มาขอพร..ทั้งที่ส่วนอื่นๆขึ้นสนิมเขียว..(เกิดมีคนเป็นโควิดมาขอพรด้วยนี่...ได้ติดกันไปอีกหลายสิบคน)
พอถึงคิวผม..ผมไม่ขออะไร...บอกพี่หนูด้วยเสียงดังๆเลยว่า"เฮ้ยย...ข้ามาเที่ยวหน้าจะเอาแมวมาฝากนะ"...ฮ่าๆๆ..ทำเอาผู้คนรอบข้างมองผมด้วยสายตาอันขุ่นเคือง..ก๊ากกก..
..เรื่องกวนฝ่าเท้าขอให้ไว้ใจผม..ฮี่ๆๆๆ..เสียดายที่ลืมถ่ายพี่หนูมาให้ดูด้วยครับ..

[..ตามตำราที่ว่าพระพิคเนศนั้นงาข้างขวาต้องหัก..องค์ยืนนี่ก็งาหักครับ...แต่ไม่ได้ถือไว้ในมือ..ไม่รู้เอาไปเก็บที่กระเป๋าไหน..แล้วแทนที่จะถือสารพัดศาสตราวุธ..นี่เค้าถือขนุนบนกรขวาบน//กล้วยบนกรขวาล่าง//อ้อยบนกรซ้ายบน//และมะม่วงบนกรซ้ายล่าง..นี่คงรับงานพรีเซนท์ผลไม้ของจังหวัดมามังครับ..ฮ่าๆๆๆไม่ว่ากัน..(พยายามใช้จินตนาการดูให้เป็นสิ่งที่ผมบอกนั่นหน่อยนะ..เพราะผมเองถ่ายมาแล้วยังดูไม่ออกเลย..ต้องอาศัยไปถามกูเกิ้ลเอาครับ)..เดินมาทางหน้าท่าน้ำ..ที่นี่ไม่มีเรือนแพครับ..แต่มุมข้างแม่น้ำนั่นมีร้านกาแฟติดแอร์เย็นๆท่ามกลางบรรยากาศแบบอินเดียๆไว้ให้เซลฟี่..สาวๆชอบกันมาก....ขอบคุณที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..]

..ตามตำราที่ว่าพระพิคเนศนั้นงาข้างขวาต้องหัก..องค์ยืนนี่ก็งาหักครับ...แต่ไม่ได้ถือไว้ในมือ..ไม่รู้เอาไปเก็บที่กระเป๋าไหน..
แล้วแทนที่จะถือสารพัดศาสตราวุธ..นี่เค้าถือขนุนบนกรขวาบน//กล้วยบนกรขวาล่าง//อ้อยบนกรซ้ายบน//และมะม่วงบนกรซ้ายล่าง..
นี่คงรับงานพรีเซนท์ผลไม้ของจังหวัดมามังครับ..ฮ่าๆๆๆไม่ว่ากัน..(พยายามใช้จินตนาการดูให้เป็นสิ่งที่ผมบอกนั่นหน่อยนะ..เพราะผมเองถ่ายมาแล้วยังดูไม่ออกเลย..ต้องอาศัยไปถามกูเกิ้ลเอาครับ)
..เดินมาทางหน้าท่าน้ำ..ที่นี่ไม่มีเรือนแพครับ..แต่มุมข้างแม่น้ำนั่นมีร้านกาแฟติดแอร์เย็นๆท่ามกลางบรรยากาศแบบอินเดียๆไว้ให้เซลฟี่..สาวๆชอบกันมาก..
..ขอบคุณที่เยี่ยมชม+ชี้แนะ...และขอบคุณพื้นที่แห่งนี้ครับ..

ขอบคุณที่นำภาพสวยๆมาให้ดูครับ

[..ที่จริงแล้วผลไม้ที่ทางจังหวัดให้พระพิคเนศถือมาโปรโมทย์นั่น..น่าจะเป็นกล้วย/อ้อย/มะม่วง..และมะพร้าวอ่อนมากว่าที่จะเป็นขนุนนะ..เพราะละแวกนี้(เอ...ใช้ภาษาโบราณแท้..แต่มันก็ความหมายเดียวกับคำว่า Area. นั่นแหละ)..ปลูกมะพร้าวอ่อนกันมากมายเลยครับ..]

ขอบคุณที่นำภาพสวยๆมาให้ดูครับ

..ที่จริงแล้วผลไม้ที่ทางจังหวัดให้พระพิคเนศถือมาโปรโมทย์นั่น..น่าจะเป็นกล้วย/อ้อย/มะม่วง..และมะพร้าวอ่อนมากว่าที่จะเป็นขนุนนะ..
เพราะละแวกนี้(เอ...ใช้ภาษาโบราณแท้..แต่มันก็ความหมายเดียวกับคำว่า Area. นั่นแหละ)..ปลูกมะพร้าวอ่อนกันมากมายเลยครับ..